“อินไปทานข้าวกันเถอะ” อินยังนั่งแน่นิ่งอยู่กับที่ดวงตาจองเขม็งไปที่แก้วน้ำ ที่มีพู่กันจุ่มอยู่ “อินๆๆ” มิเนเร สะกิดอิน พร้อมกับส่งเสียงเรียก
“อ้าว มิเนเร่ มีอะไรหรอ” อินเพิ่งรู้สึกตัว และพูดกับมิเนเร่ด้วยท่าทางประหลาดใจ
“นี่ยายอินฉันพูดกับเธอมานานแล้วนะ แต่เธอไม่ตอบฉันสักคำ” มิเนเร่ตอบอย่างงงๆ
“แล้วตกลงเธอจะไปทานข้าวหรือเปล่าล่ะ” มิเนเร่ถามต่อทันทีที่อินหลุดจากพะวง
“เที่ยงแล้วหรอ ไม่เห็นได้ยินเสียงกริ่งเลย” อินถาม
“อินนี่เธอ ลืมไปแล้วหรอว่าตอนนี้โรงเรียนปิดนะ” มิเนเร่ต้องย้ำอินเสมอในช่วงนี้
“แต่ก็ชั่งเถอะ แล้วจะไปทานข้าวกันหรือยังหละ” มิเนเร่พูดซ้ำอีกครั้ง
“ไปสิ”
ระหว่างที่ทั้งสองคนทานข้าวกันอยู่นั่นเอง อินได้สังเกตเห็นอะไรบางอย่างในแก้วน้ำ แต่เธอไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เธอเห็นนั้นมันเป็นอะไรกันแน่
“มิเนเร่ เห็นอะไรมัยในแก้วนั้นนะ” อินถามด้วยความสนใจ แต่ตาของอินก็ยังจับจ้องอยู่ที่แก้วใบนั้นอย่างไม่ละสายตา
“เห็นอะไรหรอ ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องเห็นอะไรนอกจากแก้ว น้ำ และก็พู่กันนะ” มิเนเร่ตอบ
“ฉัน
เออ คงตาลายไปเองมั้ง” อินพูดอย่างตะกุกตะกัก ทั้งสองกินข้าวเสร็จภายในเวาลไม่กี่นาทีจกากนั้นอินและมิเนเร่ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน เมื่ออินกลับถึงบ้านเธอก็รู้สึกปวดศีรษะอย่างรุนแรงจนสลบล้มลงไป แต่ไม่นานพ่อและแม่ของเธอก็กลับมาจากที่ทำงาน
“อิน ๆๆๆ มานอนทำอะไรอยู่ตรงนี้ละลูก” คุณแม่ส่งเสียงเรียกทำให้ปลุกอินขึ้นมาจากความฝัน
“ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้หละจ๊ะ” คุณแม่ถามอินอีกครั้ง
“ตรงนี้มันเย็นดีค่ะ” อินโกหกแม่ เพราะไม่ต้องการให้แม่เป็นห่วง
“ไปอาบน้ำล้างหน้าซะไป เดี๋ยววันนี้แม่จะพาไปทานข้าวนอกบ้าน
“คุณแม่สั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ อินขึ้นไปอาบน้ำบนห้อง เธอรู้สึกดีขึ้น วันนี้เธอสวมรองเท้าสีเขียวคู่ใหม่ที่คุณพ่อซื้อให้ไปทานอาหารกับครอบตรัว
“อินเสร็จหรือยังจ๊ะ เดี๋ยวไม่ทันนะลูก” คุณแม่จองโต๊ะตอนสองทุ่มไว้ที่ร้าน toyou การจราจรในช่วงเวลานี้สะดวกสบายไม่ติดขัดจึงใช้เวลาไม่มากนักก็ถึง พอถึงที่ร้าน อินมองไปในร้านแล้วคิดขึ้นได้ว่า วันนี้เป็นวันเกิดของเธอ ตอนนี้อินอายุครบ 17 ปีแล้วเพื่อนๆและญาติๆของเธอเตรียมความประทับใจเธอที่ในร้าน เมื่ออินเดินเข้าไปในร้าน ไฟที่เปิดสว่างอยู่ก็ดับลงความเงียบงันเข้ามาครอบครุมและแล้วก็มีชายคนหนึ่งในมือถืออะไรบางอย่างที่มีแสงสว่างในตัวเดินมุ่งหน้าเข้ามาหาอิน ใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้นอีกจนทำให้อินรู้ว่านั้นคือพ่อของเธอที่กำลังถือเค้กและเดินตรงมาที่เธอทุกคนรอบๆข้างตัวเธอร้องเพลงอวยพรให้เธอ อินเป่าเทียนแล้วไฟในร้านก็สว่างขึ้น มิเนเร่และเพื่อนทุกคนนำของขวัญมาให้เธอแต่มีของขวัญบางส่วนที่ถูกวางไว้บนโต๊ะอยู่แล้ว คืนนั้นอินและทุกๆคนฉลองกันอย่างมีความสุข
เช้าวันจันทร์ วันนี้ดูเหมือนจะอากาศเย็นสบายกว่าทุกๆวัน อินนอนสลบอยู่บนเตียงเนื่องจากงานฉลองเมื่อคืนนี้
“กริ๊งๆๆๆ” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปลุกให้อินตื่นขึ้นมาพร้อมกับกองของขวัญที่ได้จากเมื่อคืนนี้
“สวัสดีค่ะอินค่ะ” อินรับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงที่งัวเงียแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ อินจึงวางหูทันทีแล้วเธอก็เหลือบไปมองนาฬิกา ตอนนี้สี่โมงเช้าแล้ว พ่อแม่ของเธอก็ออกไปทำงานแล้ว และอินก็อยู่บ้านคนเดียวหลังจากที่อินอาบน้ำเรียนร้อยแล้วเธอก็เดินมาแกะกล่องของขวัญ ทีละกล่องเริ่มจากของมิเนเร่ ในกล่องมีสมุดบันทึกลายสก็อตและการ์ดอวยพร จากนั้นเธอแกะกล่องของพ่อและแม่ ในกล่องมีโน้ตบุ๊กที่อินอยากได้อยู่พอดี อินแกะของขวัญไปเลื่อยๆจนถึงกล่องสุดท้าย อินไม่รู้ว่าใครให้เพราะในกล่องมีเพียงแก้วน้ำและพู่กันด้ามสีชมพูซึ่งไม่ได้บ่งบอกว่ามาจากใคร
“กริ่งๆๆๆ” เสียงโทรศัพท์ดังอีกครั้ง
“สวัสดีค่ะ อินค่ะ” แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับอีกครั้ง
“จะพูดกับใครค่ะ” และก็มีเสียงตอบกลับมา อินจึงวางหู อินเหลือบไปมองที่แก้วน้ำอีกครั้ง ปรากฎว่าพู่กันลงไปอยู่ในแก้วทั้งๆที่ตอนแรกมันวางราบอยู่กับพื้นอินเริ่มจ้องที่แก้วอย่างจริงจังเพื่อสังเกตให้เห็นแน่ชัดว่า เธอไม่ได้ตาฟาดเหตุการณ์นี้มันเหมือนกับในฝันของเธอเมื่อตอนที่อินสลบล้มลงไปกับพื้นนั่นเอง อินตกใจ เมื่อเห็นพู่กันในแก้วหมุนเป็นวงกลม เธอรีบเดินออกห่างจากแก้วนั้นแต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมีลำแสงสีขาวโพยพุ่งออกมาจากแก้วแล้วลำแสงนั้นก็พุ่งเข้าใส่ตัวเธอ มันทำให้อินสลบไปอีกครั้ง
“ตื่นๆนี่มันตลาดนัดนะ ตื่นๆ” อินได้ยินเสียงปลุก เธอตื่นขึ้น บรรยากาศรอบๆตัวที่ไม่คุ้นเคยทำให้เธอแปลกใจและคิดว่าเองกำลังฝัน
“หนูจ๊ะ บ้านช่องอยู่แถวไหนหละ ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้” อินรู้ทันทีว่าเธอไม่ได้ฝันอยู่ มัผู้หญิงคนหนึ่งกำลังพูดกับเธอ
“พูดไม่ได้หรอจ๊ะหนู” ผู้หญิงอีกคนหนึ่งถามอิน
“เออ..หรือว่าจะพูดไม่ได้จริงๆ”
“เป็นใบ่นะหรอ”
“โธ่ น่าตาก็ดีนะ” มีคนมากมายมายืนรอบๆตัวเธออยู่ และต่างก็พูดอะไรกันไปต่างๆนาๆ
“เออ
หนู
เออไม่รู้ว่าหนูมาอยู่ที่นี่ได้อย่างงัยค่ะ..แล้วที่นี่ที่ไหนค่ะ”
“ที่นี่ตลาดจ๊ะหนู”
“แล้วนี่หนูมาจากไหนจ๊ะ” แม่ค้าในตลาดรุมถามเธอ
“ตลาดอะไรค่ะ หนูมาจากกรุงเทพฯค่ะ” อินถาม
“ที่นี่ตลาดดอกไม้จ๊ะ เป็นตลาดในเมืองสาบูล แล้วกรุงเทพฯนี่มันอยู่ที่ไหนหรือจ๊ะ”
อินอึ่งเธอไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป เธอกำลังอยู่ในที่ที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย
“ว่างัยหละจ๊ะ” แม่ค้าย้ำอีกครั้ง อินจึงตัดสินใจเล่าเรื่องต่างๆให้แม่ค้าฟัง
“เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้นี่เองหรือ”
“แล้วหนูจะกลับไปอย่างงัยหละ”
“เอางี้ มาอยู่กับป้าก่อนก็ได้นะ”
แม่ค้าฟังเรื่องต่างๆจบแล้วก็พากันวิจารณ์และให้ความช่วยเหลือกันมากมาย อินคิดไม่ถึงว่าการที่พู่กันหมุนแล้วเกิดแสงสืขวานั้นจะทำให้เธอผ่านมิติมาอยู่ในอีกโลกที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน
“คือหนูก็ไม่รู้ว่าจะกลับบ้านได้อย่างงัย งันหนู
.ขอ
ไปอยู่บ้านคุณป้าก่อนได้มัยค่ะหนูจะช่วยคุณป้าทำงานด้วยค่ะ” อินถามแม่ค้าที่ขายดอกไม้และดูท่าทางใจดีคนหนึ่ง
“ได้ซิจ๊ะ งั้นตามป้ามาทางนี้ซิ เดี๋ยวจะพาไปพักผ่อนเสียก่อนนะ ดูหน้าตาซีดเชียว”
“ป้าชื่ออะไรค่ะ”
“เรียกป้าว่า ลิลลี่ ก็ได้จ๊ะ”
“คุณป้าไม่มีลูกหรอค่ะ”
อินถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ป้ามีแต่หลานจ๊ะ ชื่อ ไลเแลก เดี๋ยวก็คงได้เจอกัน”
อินเดินตามป้าและเข้ามาในซอยเล็กๆที่มีประตูไม้กั้นทางไว้ ซึ่งทำให้ไม่สามารถเดินต่อไปได้อีก
“นาฟกีดาส” คุณป้าส่งเสียงดังไปที่ประตู แล้วประตูก็เปิดออก
“ถึงแล้วหละจ๊ะ ป้ายังไม่รู้เลยว่าหนูชื่ออะไร”
“ชื่ออินค่ะ เมื่อสักครู่นี้คุณป้าเรียกใครมาเปิดประตูหรือค่ะ”
“ไม่ได้เรียกใครหรอกจ๊ะ
เราต้องใช้รหัสผ่านจ๊ะ เวลาจะผ่านประตูมา ไปในบ้านเถอะจ๊ะ” คุณป้าชวนอินให้เข้ามาในบ้าน
“ปั่ง” เสียงประตูปิดไล่หลังอินมาอย่างอัตโนมัติ
“ไลแลกๆๆ” คุณป้าเรียกหลานชาย
“สงสัยจะไม่อยู่ คงจะอยู่ที่สวนดอกไม้ตามเคย งั้นหนูมานั่งตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวป้าเอาน้ำมาให้” อินนั่งรอสักพัก ประตูไม้ก็เปิดออกอีกครั้ง ค่อยๆเปิดช้าๆ ช้าๆ หลังประตูนั้นมีผู้ชายอยู่คนหนึ่ง รูปร่างสูงชะรูด ผิวขาวเหมือนกระดาษ เธอกลัวมากจึงรีบวิ่งไปหาคุณป้า
“คุณป้าค่ะมีคนเปิดประตูเข้ามา”
“ใครหรอจ๊ะ” คุณป้าถามขณะที่มือกำลังถือแก้วใบใหญ่อยู่
“ไม่ทราบค่ะแต่เค้าตัวใหญ่มากเลยค่ะ” อินอธิบายแล้วรับแก้วน้ำจากคุณป้ามา คุณป้าเดินออกไปดู
“ไลแลกเองหรอ ไปไหนมาหละ” คุณป้าคุยอยู่กับหลายชายของเค้านั่นเอง
“ผมไปสวนมาครับ”
“มานั่งพักก่อนมา ป้ามีคนจะแนะนำให้รู้จัก อินๆๆๆ มานี่ซิ หนูนี่ไลแลก หลานชายป้าเองนะ” คุณป้าแนะนำหลานชายให้อินรู้จัก มองใกล้ๆ เขาสูงกว่าเธอเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
“แล้วนี่ก็อิน..เขาจะมาอยู่ที่นี่กับเราจ๊ะ”
“หวัดดี..ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ไลแลกทักอิน
“เช่นกัน” อินตอบ ในน้ำเสียงก็ยังกลัวๆ เพราะ อินไม่เคยพูดกับผู้ชายคนไหนอีกนอกจากพ่อของเธอเอง เธอถูกส่งให้เรียนอยู่ในโรงเรียนประจำหญิงล้วนมาตั้งแต่เกิด เธอจึงไม่มีเพื่อนผู้ชายเลย
“อินเดี๋ยวป้าจะพาไปดูห้องนอนละกันนะ ตามป้ามาซิ หนูไม่มีเสื้อผ้ามาเลยใช่มัย”
“ค่ะ”
“งันหนูใช้เสื้อผ้าเก่าๆของทิวลิปไปก่อนนะจ๊ะ” คุณป้าพูดพร้อมทั้งชี้ไปที่ตู้เสื้อผ้า
“ใครคือทิวลิปหรอค่ะ” อินถามแต่คุณป้านิ้งไปซักพัก
“เด็กแถวนี้แหละจ๊ะ ชอบเอาเสื้อผ้ามาทิ้งไว้ที่นี่บ่อยๆ ตอนที่มาอยู่นะจ๊ะ” คุณป้าตอบอย่างตะกุกตะกักเล็กน้อย
“ห้องน้ำอยู่ทางนั้นนะจ๊ะ ไปอาบก่อนเถอะ เดี๋ยวป้าพาไปดูร้านดอกไม้”
อินเข้าไปอาบน้ำ แต่เธอก็ต้องพบกับเรื่องประหลาดอีกครั้งในห้องน้ำที่มีพู่กันสีชมพูเสียบอยู่ในแก้ว แล้วพู่กันก็หมุนอีกครั้ง อินรีบเอื้อมมือไปหยิบพู่กันออกจากแก้วทันทีมิฉะนั้นเธออาจจะหลงไปอยู่มิติอื่นๆและอาจจะไม่มีวันกลับไปหาพ่อและแม่ของเธออีกเลย ไม่มีควัยสีขาวเแดขึ้น
“เสร็จแล้วซินะ งั้นไปกันเถอะ” คุณป้าที่พึ่งอาบน้ำเสร็จทักทายอิน
“ไลแลก ไลแลกป้าจะไปแล้วนะ เสร็จหรือยัง”
“ครับ เสร็จแล้วครับ” ไลแลกหอบช่อดอกไม้หลากหลายชนิดออกมา
“ห้อินช่วยมัยค่ะ” อินถามตามมารยาท
“ไท่เป็นไรครับ ให้ผมถือคนเดียวเถอะ”
“ไลแลกเขาถือจนเคยชินแล้วหละจ๊ะหนู” คุณป้าพูดพร้อมหยิบหมวกให้ฉัน
“แดดร้อนจ๊ะ เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไปอีก”
“ขอบคุณค่ะคุณป้า”
“ตลาดดอกไม้” อินอ่านป้ายที่เธอ ป้า และไลแลกเดินผ่าน ร้านขายของทุกร้านในตลาดดอกไม้ เป็นร้านที่มีแต่ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับดอกไม้ทั้งสิน รานคุณป้าขายไอศกรีมดอกไม้เป็นร้านที่ใหญ่โตมาก ด้านข้างเป็นร้านขายดอกไม้ที่สวยงาม มีดอกไม้นานาพรรณ อีกร้านเป็นร้านขายน้ำดอกไม้ นอกจากนี้ยังมีร้านขายดอกไม้ทอด ร้านข้าวต้มดอกไม้ ร้านต้มยำ ร้านของฝาก ร้านขนมหวาน ฯลฯ ซึ่งทุกๆร้าน นำดอกไม้มาใช้เป็นวัตถุดิบในการทำทั้งสิน
“คุณป้าค่ะ เขาจะเปิดร้านกันกี่โมงค่ะ” อินถามตามความสงสัย
“บางร้านก็หกโมงเช้าถึงสามทุ่มครึ่งจ๊ะ บางร้านก็สามโมงเช้าแต่จะปิดพร้อมกัน”
“ดีจังค่ะ แบบนี้แถวบ้านหนูไม่มีหลอกค่ะ ส่วนใหญ่เราจะนำดอกไม้มาทำเป็นน้ำหอม หรือไม่ก็ขายสด เอามาปักแจกันค่ะ หนูไม่เคยเห็นไอศกรีมดอกไม้ด้วย”
“หนูจะลองกินมัยหละ” คุณป้าถาม
“อยากค่ะ
แต่หนูไม่มีเงินนะค่ะ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวหนูมาช่วยป้าทำนะแล้วเดี๋ยวป้าจะให้กิน”
“จริงๆหรอค่ะ ดีจัง หนูก็อยากทำอยู่พอดี”
“งั้นตามป้ามาเลย” คุณป้าเดินนำไปในครัว ไลแลกกำลังนำดอกกุหลาบมาเด็ดก้านทิ้ง
“ต้องเด็ดก้านทิ้งก่อนหรอค่ะ” อินถามไลแลก
“ครับ เดี๋ยวเราจะเอาก้านไปขายได้อีก”
“อินช่วยนะค่ะ”
อินช่วยคุณป้าและไลแลกทำไอศกรีมกุหลาบ
“อร่อยมากๆเลยค่ะ อร่อยกว่าไอศกรีมที่เคยกินอีกค่ะ” อินชมไอศกรีมฝีมือตัวเอง
“หนูจะให้พี่เค้าพาไปเที่ยวมัยจ๊ะ” คุณป้าแนะนำ
“ดีค่ะ” อินตอบ และลืมไปว่าเธอเคยกลัวไลแลก
“เราจะเอาไปขายที่ไหนค่ะ” อินถามเมื่อเห็นว่าไลแลกถือก้านดอกไม้มาด้วย
“เอาไปขายที่ร้านต้มยำจ๊ะ เขาจะนำไปทำฝืน”
“ว้าว
ฝืน คงหอมน่าดูเลยนะค่ะ”
การเดินไป คุยไป ของทั้งคู่ทำให้ดูสนิทกันมากขึ้น ไลแลกพาอินไปวื้อน้ำดอกไม้และอะไต่างๆอีกมากมายจนทำให้อินที่ดูเหมือนจะยึดติดอยู่กับสิ่งเดิมๆกับกลายเป็นสาวน้อยที่ร่าเริงสมวัยขึ้นมาก
“อ้าว..กลับมากันแล้วหรือจ๊ะ” คุณป้ากำลังวุ่นอยู่กับการขายไอศกรีมทักทายขึ้น
“ซื้อของมาฝากคุณป้าด้วยค่ะ น้ำและก็ขนมค่ะ” อินพูดพร้อมกับนำขนมจัดใส่จาน
“คุณป้าไปนั่งพักเถอะครับเดี๋ยวผมขายต่อเอง”
“อินจะช่วยด้วยค่ะ”
ไลแลกและอินช่วยกันขายไอศกรีมจนถึงเวลาปิดร้าน
“กลับบ้านกันได้แล้วหละจ๊ะ” คุณป้าแนะนำเมื่อเห็นว่าทั้งคู่ทำงานหนักทั้งวัน
“วันนี้ป้าจะทำอาหารให้ทานเอง”
“ปกติพี่ไลแลกเค้าเป็นคนทำอาหารหรอค่ะ” อินถามขึ้น
“ใช่จ๊ะ เค้าทำอาหารเก่งอยู่นะ”
“ดีจังถ้าเป็นคุณพ่อกับคุณแม่หนูนะทำไม่เป็นหรอกค่ะ”
“แล้วกินอะไรกันหละจ๊ะ” คุณป้าถามด้วยความห่วงใย
“คุณแจ๋วทำให้ทานทุกวันแหละค่ะ” อินตอบ พอถึงบ้านทุกๆคนก็ไปช่วยกันทำอาหาร และทานอาหารกันอย่างมีความสุข
ถ้าคุณกำลังคิดว่าเรื่องราวกำลังจะจบแบบ happy ending ละก็คุณคิดผิดค่ะเพราะเรื่องราวต่อไปนี้จะเป็นเรื่องที่คุณคาดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้น
หลังจากที่ทุกคนทานข้าวเสร็จก็ตึกมากแล้ว ทุกคนจึงแยกย้ายกันเข้านอน อินเข้ามาในห้องแล้วเธอก็ต้องพบกับแก้วที่มีพู่กันหมุนอยู่
อินเริ่มเคยชินและคิดหาวิธีที่จะกลับบ้าน เธอยื่นมือไปจับที่พู่กันและพยายามหมุนย้อนกลับ ปรากฏว่าพู่กันหมุนกลับและเกิดแสงขึ้น
“อิน ๆๆ มานอนทำอะไรอยู่ตรงนี้อีกหละลูก” เสียงที่ฟังคุ้นหูเรียกเธอ
“คุณพ่อ คุณแม่”
“มานอนอยู่ตรงนี้อีกแล้วนะ มันเย็นนักหรืองัยนะ” คุณแม่ย้ำความจำอินทำให้เธอจำได้ และแล้วเธอก็ตื่นจากความฝันสักที อินดำเนินชีวิตเหมือนปกติ ไม่มีแก้วน้ำ ไม่มีพู่กันสีชมพู มีแต่ความเป็นจริงเท่านั้นที่อินสาวน้อยวัยใสคนเนี่จะต้องดำเนินต่อไป
เห็นมัยว่าอินสามารถนำแก้วมาใช้ประโยชน์ได้มากกว่าแค่นำมาใส่น้ำดื่มและก็สามารถนำพู่กันมาใช้ประโยชน์ได้มากกว่านำมาระบายสี
จริงมัยละค่ะ?
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น